น้ำมันลูกเดือย แค่ชื่อ ก็แปลกแล้ว !ลูกเดือย มีน้ำมันด้วยเหรอ ? ...ความจริง คือ ลูกเดือย มีไขมันเพียง 5% เท่านั้น...
ถ้างั้น น้ำมันลูกเดือย ผลิตมาได้ไง ?
จากการค้นข้อมูล พบว่า ปัจจุบัน มีการสกัดสารอาหารในธัญพืช หรือ พืชสมุนไพร ต่าง ๆ มาไว้ในน้ำมันพืชสกัดเย็น สมุนไพรที่นำมาสกัด มีหลากหลายชนิด ได้แก่ น้ำมันขิง น้ำมันข่า น้ำมันผิวส้ม น้ำมันลูกเดือย เป็นต้น ส่วนกรรมวิธีการผลิตนั้น ผู้เขียนจะนำมาเล่าให้ฟังคราวหน้านะคะ
กลับมาเข้าเรื่อง น้ำมันลูกเดือย กันค่ะ ผู้เขียนได้ทดลองรับประทาน น้ำมันลูกเดือย โดยใช้สูตร น้ำมันลูกเดือย 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับ โยเกิร์ต 1 ถ้วย บางครั้งก็ทานเปล่า ๆ ผสมเครื่องดื่มบ้าง อะไรบ้าง ไปตามเรื่อง ☺ ซึ่งจากที่ศึกษามา พบว่า ลูกเดือย มีประโยชน์มากมายจริง ๆ สรรพคุณ ที่ผู้เขียนสนใจ ได้แก่ บำรุงปอด ตับ ม้าม กระเพาะอาหาร แก้โรคทางเดินหายใจ (เพราะผู้เขียนเป็นภูมิแพ้) บำรุงเส้นผม และ ผิวหนัง (แวะมาเรื่องความงามนิดนึง ให้สมกับเป็นบลอกความงาม ☺)
เมื่อทดลองรับประทาน ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรค่ะ ทานไปงั้น ๆ เอง
ปรากฏว่า ภายหลังจากทานไปได้ 2-3 วัน (2-3 ช้อนโต๊ะ อ่ะนะ - เพราะทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ) พบว่า ปัสสาวะได้มากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด (แต่ไม่ใช่ปัสสาวะถี่ ๆ แบบอาการปัสสาวะขัด-หรือ โรคนิ่ว ) ตอนแรกก็ลืม ไม่คิดว่าจะเกี่ยวข้องกับน้ำมันลูกเดือย คิดว่า ตัวเอง คงเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อีกแล้ว แต่ครั้งนี้ ไม่มีอาการอักเสบ เจ็บปวดใด ๆ อาการขับปัสสาวะ นี้ เด่นชัดกว่าอย่างอื่น แล้วก็รู้สึกทนกับมลพิษทางอากาศได้มากขึ้น (น้ำมูกยังไม่ไหล-แต่ก็ไม่ประมาท คงต้องหาหน้ากากป้องกัน ในเร็ว ๆ นี้ ✌ )
ผู้เขียนก็เลยสงสัยว่า ขับปัสสาวะ ไปทำไม? ลองค้นข้อมูลดู พบว่า
ในทางการแพทย์ ยาขับปัสสาวะใช้รักษาอืมม...หากขับปัสสาวะ แล้ว ช่วยกำจัดสารพิษในร่างกายไปด้วย ก็น่าจะดีนะ ☺
หัวใจล้มเหลว (heart failure)
โรคตับแข็ง (liver cirrhosis)
ความดันโลหิตสูง (hypertension)
โรคไต (kidney disease)
ยาขับปัสสาวะสามารถบรรเทาโรคดังกล่าวได้เพราะมันทำให้ร่างกายขับโซเดียมและน้ำ ไปพร้อมกับปัสสาวะ ยิ่งมีปัสสาวะมากเท่าไรน้ำและโซเดียม ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการบวมน้ำ (edema) ก็จะลดลง และอาการบวมน้ำก็ลดลง ยาขับปัสสาวะบางตัวเช่นอะเซตาโซลาไมด์ ทำให้ปัสสาวะเป็นด่างซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มการขับถ่ายยาแอสไพรินในกรณีการใช้ยาเกินขนาด
อ้างอิง : http://th.wikipedia.org/wiki/
อย่างไรก็ดี ผู้เขียน หวังว่า ปอด ตับ กระเพาะอาหาร จะแข็งแรงขึ้น อาการภูมิแพ้ จะดีวันดีคืน ในเร็ววัน ☺
สวัสดีค่ะ บลอกความงาม ยินดีต้อนรับค่ะ พบกับ เรื่องราวสาระดี ๆ เกี่ยวกับความงามและสุขภาพ พร้อมทั้งแนะนำแหล่งชอปปิ้ง สินค้าด้านความงาม ลดราคาสุดพิเศษ ถูกมาาาาก จนต้องตะลึง...
กรดโคจิก (Kojic Acid) เป็นสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ได้จากการหมักกลูโคสกับเชื้อรา Aspergillus (เชื้อราที่เจริญเติบโตได้ดีในธัญพืช เช่น ถั่ว แป้ง ในเต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว หรือ เหล้าสาเก) เป็นสารที่ช่วยให้ผิวขาว ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ในการป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ และ ยับยั้งการสร้างเม็ดสี (melanin) ช่วยลดความหมองคล้ำตามวัย และ จุดด่างดำ อันเนื่องมาจากแสงแดด ลดปัญหาผิวลาย และ สีผิวไม่เสมอ (เช่น ฝ้า กระ) 
จากงานวิจัยในวารสาร SLEEP ฉบับเร็ว ๆ นี้ ได้กล่าวถึง ระยะเวลานอนหลับ ที่แตกต่างกันไป ในช่วง 5 ปีของอายุมนุษย์ ส่งผลกระทบกับการทำงานของสมองในระยะเวลาต่อมาอย่างไร* พบว่า หากเรานอนหลับได้นาน 6-8 ชั่วโมง ดูเหมือนว่า ร่่างกายจะมีการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นปกติ
"ผลกระทบที่เลวร้ายต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ จากการนอนมากเกินไป การนอนน้อยเกินไป และ การหลับไม่สนิท ได้รับความสนใจมากขึ้น" Ferrie เสริม 
เกรพฟรุท (Grapefruit) เป็นผลไม้คล้ายส้ม มีรสเปรี้ยว ผลมีเปลือกสีเหลือง รูปกลมแป้น ขนาดผลประมาณ 10-15 ซม. เนื้อผลแบ่งเป็นกลีบแบบส้มสีออกแดงทับทิม
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอย แลดูแก่ก่อนวัย มาจาก รังสี UV ในแสงแดด และ ภาวะมลพิษ อนุมูลอิสระต่าง ๆ
1. ใช้แท่งแก้วตักตัวอย่างครีมทีละน้อย (การใช้อุปกรณ์อื่นตักตัวอย่างครีม จะให้ผลที่คลาดเคลื่อนได้) และหย่อนครีมลงสู่ก้นหลอดทดลองให้ได้ตัวอย่างประมาณ 3-5 กรัม (หรือประมาณเมล็ดถั่วลิสง)โดยระวังไม่ให้ตัวอย่างเปื้อนบริเวณข้างหลอดทดลองด้านใน ที่ไม่ใช่บริเวณก้นหลอดทดลอง
3. ใช้กระบอกฉีดยาดูดน้ำยาปริมาตร 5 มิลลิลิตร ใส่ในหลอดทดลอง
5. ปิดหลอดทดลองให้สนิทด้วยจุกยาง โดยมีกระดาษลิตมัสที่ทำให้เปียกชื้นแล้วเสียบห้อยอยู่ภายใน โดยให้ส่วนที่เปียกชื้นอยู่ด้านในของหลอดทดลอง




